Lighting Layer 3 ระดับแสงในบ้าน ที่ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศได้

การวางแผนแสงไฟให้บ้านสวย และน่าอยู่ ไม่ได้อยู่แค่การ “ให้แสงสว่าง” แต่คือ การวางแสงหลายระดับ เพื่อสร้างมิติ บรรยากาศ และตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละโซนในบ้าน

✨ 1) Ambient Lighting — แสงสว่างหลักของห้อง

• คือแสงพื้นฐาน ให้ความสว่างทั่วทั้งห้อง
• ช่วยให้มองเห็นและเคลื่อนไหวในห้องได้อย่างปลอดภัย
• เหมาะกับ:
  • ห้องนั่งเล่น → Downlight, Chandelier
  • ห้องครัว → ไฟเพดานแสงขาว (Cool White / Daylight)
  • ห้องนอน → ไฟ Warm White หรือโคมไฟแขวนกลางห้อง

Tips:

• เลือกโคมที่ให้แสงกระจายทั่ว เช่น โคมไฟเพดานแผ่นบาง
• ใช้หลอดไฟ LED ประหยัดไฟ แต่ให้ค่า CRI สูง (≥90) สีไม่เพี้ยน

✨ 2) Task Lighting — แสงสว่างสำหรับกิจกรรมเฉพาะจุด

• ใช้เพื่อช่วยให้ทำกิจกรรมเฉพาะ เช่น อ่านหนังสือ แต่งหน้า ทำอาหาร ได้ชัดเจนขึ้น
• ต้องส่องเฉพาะพื้นที่ใช้งานจริง ป้องกันแสงไม่พอหรือเกิดเงาบัง

ตัวอย่างการใช้งาน:

• โต๊ะทำงาน → โคมไฟตั้งโต๊ะ
• ห้องน้ำ / ห้องแต่งตัว → ไฟข้างกระจกแต่งหน้า
• ครัว → ไฟใต้ตู้บิวท์อิน หรือ Spot Light ส่อง Island
• ห้องอ่านหนังสือ → โคมไฟแขนยืดปรับองศาได้

Tips:

• ใช้แสง Cool White 4000-4500K หรือ Daylight 6000K ชัด สว่างสบายตา
• ควรมีแสงทั้งสองด้านของใบหน้าเมื่อแต่งหน้า ป้องกันเงา

✨ 3) Accent Lighting — แสงส่องเพื่อความสวยงาม เพิ่มมิติ

• แสงสำหรับตกแต่ง / เน้นรายละเอียด เช่น ส่องของโชว์ ต้นไม้ ผนัง
• สร้างความรู้สึกหรูหรา มีลูกเล่นในห้อง

ตัวอย่างการใช้งาน:

• ไฟซ่อนฝ้ารอบห้อง
• ไฟ LED Strip ใต้ตู้ ใต้เตียง
• Spot Light ส่องภาพงานศิลปะ / ของตกแต่ง
• ไฟส่องผนังเพิ่ม Texture ให้กับวัสดุปูนเปลือย หรืออิฐ

Tips:

• ใช้แสง Warm White (2700K-3000K) เพิ่มความอบอุ่น
• เลือกโคมที่ซ่อนได้หรือดีไซน์เรียบง่าย จะทำให้ดูแพง

✅ แนวทางเลือกแสงไฟตามห้อง

✅ สรุป

การจัดแสงแบบ 3 ชั้น (Ambient + Task + Accent) คือหัวใจของบ้านสวย บรรยากาศดี และใช้งานได้จริงในทุกพื้นที่

อยากให้ห้องมีมิติ ดูแพง ไม่ต้องรีโนเวทใหม่ แค่จัดแสงใหม่ให้ครบทุกเลเยอร์!